บริษัท ยูเนี่ยนไทย-นิจิบัน จำกัด ประกอบธุรกิจด้านอุตสาหกรรมการผลิต เป็นผู้ผลิตเทปกาวยางธรรมชาติเพื่อส่งออกและจำหน่ายในประเทศ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคลในการดำเนินงานทางธุรกิจของบริษัท โดยบริษัทได้ให้ความเคารพสิทธิส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้า พนักงานของบริษัท และผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างสูงสุด ดังนั้น บริษัทจึงได้มีการจัดทำนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบถึงรายละเอียดการดำเนินการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท เช่น การเก็บรวบรวมข้อมูล การใช้ข้อมูล การประมวลผล หรือเปิดเผยข้อมูล รวมทั้งสิทธิของเจ้าของข้อมูลที่พึงมี โดยได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทให้มีความสอดคล้องและถูกต้องตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฉบับนี้ ได้จัดทำขึ้นเพื่อให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่อยู่ภายใต้การควบคุมและการดำเนินงานของบริษัท ยูเนี่ยนไทย-นิจิบัน จำกัด ให้ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยผู้ปฏิบัติงานของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว ต้องยึดถือและปฏิบัติตามนโยบายฉบับนี้อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปในมาตรฐานเดียวกัน
อย่างไรก็ตามในการเก็บ ใช้ ประมวลผล หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ในบางกรณีบริษัทสามารถทำได้ตามข้อยกเว้นของบทบัญญัติของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งข้อมูลที่ได้มีการเก็บรวบรวมไว้ก่อนที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ใช้บังคับ บริษัทสามารถเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นต่อไปได้ตามวัตถุประสงค์เดิม โดยบริษัทจะได้แจ้งและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้เจ้าของข้อมูลทราบ กรณีไม่ประสงค์ให้บริษัทเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลดังกล่าว เจ้าของข้อมูลสามารถแจ้งยกเลิกความยินยอมได้
ทั้งนี้บริษัทจะจัดเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นต่อการดำเนินงานของบริษัท ภายใต้วัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมายหรือตามวัตถุประสงค์ในการนำไปใช้ โดยจะแจ้งให้ทราบก่อนหรือในขณะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลทุกครั้ง โดยบริษัทจะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อน เว้นแต่ในกรณีที่สามารถจัดเก็บได้ตามที่ข้อกฎหมายยกเว้น
บริษัทจัดเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินงานที่แตกต่างตามกรณี ทั้งนี้เพื่อให้ลูกค้า คู่ค้า และผู้ที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ได้ใช้ผลิตภัณฑ์และบริการ การดำเนินงาน การประสานงานกับบริษัทได้ตรงตามวัตถุประสงค์ เช่น
ซึ่งในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล หากในบางกรณีที่เจ้าของข้อมูลไม่ไห้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการดำเนินงาน อาจส่งผลให้การทำสัญญา ธุรกรรม หรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องถูกระงับ หรือหยุดลงชั่วคราว อันเนื่องจากบริษัทไม่สามารถประมวลผลข้อมูลเหล่านั้น หรือไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนดไว้ได้ เป็นต้น
ในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ด้วยวัตถุประสงค์ที่แตกต่างไปจากเดิมตามที่ได้แจ้งหรือขอความยินยอมไว้ บริษัทจะแจ้งวัตถุประสงค์ใหม่ในการใช้ข้อมูลนั้นๆ ให้เจ้าของข้อมูลทราบ และขอความยินยอมใหม่ก่อนการใช้งานต่อไป
นอกจากนี้บริษัทได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการจัดเก็บข้อมูลที่มีความอ่อนไหว ซึ่งเป็นข้อมูลเฉพาะของเจ้าของข้อมูล เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ เป็นต้น
โดยบริษัทจะขอความยินยอมในการจัดเก็บข้อมูล และเก็บรักษาข้อมูลอ่อนไหวที่ได้รับความยินยอมแล้ว เป็นความลับของบริษัท ไม่เปิดเผยต่อบุคคลอื่นโดยปราศจากความยินยอมที่ชัดแจ้ง ยกเว้นเป็นการจัดเก็บข้อมูลที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่บริษัทจำเป็นต้องปฏิบัติตามเท่านั้น โดยบริษัทจะได้แจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบก่อนทุกครั้ง
บริษัททำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประมวลผลเกี่ยวกับการให้บริการ การใช้บริการ การติดต่อสื่อสาร การติดตามและแจ้งผลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจและ/หรือผลงานที่ได้ดำเนินการกับบริษัท
ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท แบ่งเป็น
โดยเมื่อหมดความจำเป็นที่จะต้องเก็บข้อมูลตามระยะเวลาที่ระบุในเอกสารนี้แล้ว และพ้นระยะเวลาการจัดเก็บดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไม่สามารถระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลได้อีกต่อไป ด้วยวิธีการต่างๆ ตามแหล่งข้อมูลการจัดเก็บ เช่น เอกสารในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์จะต้องถูกลบด้วยวิธีการที่ทำให้ข้อมูลนั้นไม่อาจถูกเข้าถึงได้อีก เอกสารในรูปแบบกระดาษจะต้องถูกทำลายโดยเครื่องย่อยกระดาษหรือการเผาทำลาย เป็นต้น
ในบางกรณีบริษัทอาจมีความจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้จัดเก็บให้กับบุคคลภายนอก เช่น ผู้ตรวจสอบบัญชี ผู้ตรวจสอบภายนอกของบริษัท หน่วยงานราชการ เป็นต้น
โดยบริษัทจะใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นตามหลักเกณฑ์และวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งให้ทราบ หรือขอความยินยอมแล้วเท่านั้น เว้นแต่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมตามกฎหมาย
ส่วนในกรณีที่บริษัทต้องเปิดเผยข้อมูลให้บุคคลอื่นทราบ เพื่อการดำเนินการทางธุรกิจ เพื่อประโยชน์หรือการให้บริการต่อเจ้าของข้อมูล บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และจะทำการตรวจสอบถึงมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอของผู้รับข้อมูล เพื่อไปดำเนินการและจะกำชับตรวจสอบให้ผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลไปดำเนินการ เก็บรักษาข้อมูลเป็นความลับ และใช้ได้ตามวัตถุประสงค์และขอบเขตที่บริษัทกำหนดให้ใช้เท่านั้น
หากกรณีที่พบว่าผู้รับข้อมูลไปดำเนินการ ไม่ปฏิบัติตามที่บริษัทกำหนด หรือมีการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะแจ้งเหตุการณ์ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลแก่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทราบ ภายในเจ็ดสิบสองชั่วโมงนับแต่ทราบเหตุเท่าที่จะสามารถทำได้ และแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบโดยเร็ว โดยบริษัทจะให้ความร่วมมือกับเจ้าของข้อมูล เพื่อดำเนินการต่อเหตุการณ์ล่วงละเมิดนั้น และอาจพิจารณายกเลิกสัญญาการจ้างงาน หรือยกเลิกสัญญาการทำธุรกิจต่อกันกับผู้ล่วงละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล
การโอนย้ายข้อมูลไปยังต่างประเทศ บริษัทอาจมีความจำเป็นในการโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังหน่วยงานต่างประเทศ หรือองค์กรระหว่างประเทศ เช่น เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลเป็นคู่สัญญา เป็นต้น ทั้งนี้บริษัทจะดำเนินการตรวจสอบว่า หน่วยงานต่างประเทศดังกล่าวมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอและเป็นไปตามหลักเกณฑ์การให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่คณะกรรมการได้ประกาศไว้หรือไม่ หากพบว่าหน่วยงานปลายทางต่างประเทศไม่มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ บริษัทจะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบ และดำเนินการขอความยินยอมก่อนการส่งข้อมูลทุกครั้ง
บริษัทจัดให้มีมาตรการป้องกันรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง การเปลี่ยนแปลงแก้ไข การเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยใช้มาตรการป้องกันในด้านต่างๆ ดังนี้
เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลไว้กับบริษัท พึงมีสิทธิดังนี้
ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลต้องการแจ้งให้บริษัทดำเนินการตามสิทธิดังกล่าว สามารถแจ้งขอใช้สิทธิกับบริษัทได้ผ่านช่องทางติดต่อต่างๆ ของบริษัท โดยบริษัทจะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาตามคำร้องของท่านภายใน สามสิบวันนับแต่วันที่บริษัทได้รับคำร้องขอดังกล่าว
กรณีที่ท่านต้องการติดต่อเพื่อเสนอแนะ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการขอใช้สิทธิตามนโยบายฉบับนี้ สามารถติดต่อบริษัทผ่านช่องทาง ดังนี้
10.1 บริษัท ยูเนี่ยนไทย-นิจิบัน จำกัด เลขที่ 12 ซอยเสรีไทย 62 แขวง/เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ 10510
โทรศัพท์ 02-517-0100-3 วัน-เวลาทําการ: 07:50 - 16:30 น. (ยกเว้น วันเสาร์-วันอาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์)
10.3 เกี่ยวกับคู่ค้า (ติดต่อกับส่วนจัดซื้อ)
โทรศัพท์ 02-919-8086, 02-919-8335, 02-919-8963
โทรสาร 02-517-0104
boonaua@utn.co.th10.4 เกี่ยวกับผู้มาติดต่อ พนักงาน เวปไซต์ และอื่นๆ (ติดต่อกับส่วนบุคคล)
โทรศัพท์ 02-540-7661, 25-517-4489, 02-919-9607
โทรสาร 02-919-9601
psn@utn.co.thบริษัทจะทำการพิจารณาทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้มีความสอดคล้องและเป็นปัจจุบัน กับแนวปฏิบัติและกฎหมายข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือตามความเหมาะสม ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบผ่านช่องทางการติดต่อของบริษัทต่อไป
เราใช้คุกกี้เพื่อให้แน่ใจว่าเราได้มอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานเว็บไซต์ของเรา
หากคุณใช้เว็บไซต์ต่อ หรือปิดข้อความนี้ลง เราถือว่าคุณยอมรับการใช้งานคุกกี้ และ นโยบายการใช้คุกกี้
Union Thai-Nichiban CO., LTD. © 2021 Copyright. All rights reserved.